พันเอก (พิเศษ) การุณ เก่งระดมยิง
ประวิติ การุณ เก่งระดมยิง เป็นบุตรของพลโทหลวงกาจสงคราม กับคุณหญิงฟองสมุทร เกิดเมื่อวันที่
11 ธันวาคม 2461 เป็นบุตรชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 7 คน สมรสกับนางชื่นสุข โลจายะ มีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คน การุณ เก่งระดมยิง ศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แล้วเข้าศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนไปศึกษาแผนกวิศวกรรม มหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา พันเอก (พิเศษ) การุณได้เข้าร่วมขบวนการเสรีไทย โดยเป็นเสรีไทยสายอเมริกันรุ่นแรก รหัส "เคน" กระทั่งสงครามสิ้นสุด รัฐบาลสหรัฐได้มอบเหรียญกล้าหาญเป็นเกียรติประวัติ การุณ เก่งระดมยิง ได้รับทุนรัฐบาล ไปศึกษาต่อด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ มีความชำนาญพิเศษด้านเทคนิคต่างๆ และด้านวิทยุโทรทัศน์ แล้วกลับมารับราชการทหารที่กระทรวงกลาโหม กระทั่งกองทัพบกได้มอบหมายให้ร.อ.การุณ (ยศขณะนั้น) เป็นผู้จัดตั้งสถานีวิทยุ จส.ของกรมการทหารสื่อสาร ซึ่งเป็นสถานีวิทยุกองทัพบกแห่งแรก ติดตั้งเครื่องส่ง ดูแลการออกอากาศ และเป็นโฆษกออกอากาศ ด้วยการเปิดเพลง และอ่านข่าว ต่อมามีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์กองทัพบก แบบขาวดำ และพันเอก (พิเศษ) การุณได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกระบบ และนำระบบโทรทัศน์สี เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2507 พ.อ.การุณ ได้มีโอกาสเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ อาภัสรา หงสกุล เมื่อครั้งที่อาภัสราเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากที่ได้รับมงกุฎนางงามจักรวาล ต่อมาในปี 2509 พ.อ.การุณ ได้เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์มากมายเช่น "ป๊อบท็อป" "บันไดดารา" "ขายหัวเราะ" "ช่องนำโชค" "ยี่สิบคำถาม" ฯลฯ ต่อมา พ.อ.การุณ ได้เปิดสอนการทำรายการโทรทัศน์ ได้ปั้นพิธีกรขึ้นมามากมาย เช่น ดำรง พุฒตาล ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ และ วิชิต แสงทอง พันเอก (พิเศษ) การุณ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อคืนวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยวัย 86 ปี
ประวิติ การุณ เก่งระดมยิง เป็นบุตรของพลโทหลวงกาจสงคราม กับคุณหญิงฟองสมุทร เกิดเมื่อวันที่
11 ธันวาคม 2461 เป็นบุตรชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 7 คน สมรสกับนางชื่นสุข โลจายะ มีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คน การุณ เก่งระดมยิง ศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แล้วเข้าศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนไปศึกษาแผนกวิศวกรรม มหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ในระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา พันเอก (พิเศษ) การุณได้เข้าร่วมขบวนการเสรีไทย โดยเป็นเสรีไทยสายอเมริกันรุ่นแรก รหัส "เคน" กระทั่งสงครามสิ้นสุด รัฐบาลสหรัฐได้มอบเหรียญกล้าหาญเป็นเกียรติประวัติ การุณ เก่งระดมยิง ได้รับทุนรัฐบาล ไปศึกษาต่อด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ มีความชำนาญพิเศษด้านเทคนิคต่างๆ และด้านวิทยุโทรทัศน์ แล้วกลับมารับราชการทหารที่กระทรวงกลาโหม กระทั่งกองทัพบกได้มอบหมายให้ร.อ.การุณ (ยศขณะนั้น) เป็นผู้จัดตั้งสถานีวิทยุ จส.ของกรมการทหารสื่อสาร ซึ่งเป็นสถานีวิทยุกองทัพบกแห่งแรก ติดตั้งเครื่องส่ง ดูแลการออกอากาศ และเป็นโฆษกออกอากาศ ด้วยการเปิดเพลง และอ่านข่าว ต่อมามีการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์กองทัพบก แบบขาวดำ และพันเอก (พิเศษ) การุณได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกระบบ และนำระบบโทรทัศน์สี เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2507 พ.อ.การุณ ได้มีโอกาสเป็นพิธีกรสัมภาษณ์ อาภัสรา หงสกุล เมื่อครั้งที่อาภัสราเดินทางกลับประเทศไทย หลังจากที่ได้รับมงกุฎนางงามจักรวาล ต่อมาในปี 2509 พ.อ.การุณ ได้เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์มากมายเช่น "ป๊อบท็อป" "บันไดดารา" "ขายหัวเราะ" "ช่องนำโชค" "ยี่สิบคำถาม" ฯลฯ ต่อมา พ.อ.การุณ ได้เปิดสอนการทำรายการโทรทัศน์ ได้ปั้นพิธีกรขึ้นมามากมาย เช่น ดำรง พุฒตาล ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ และ วิชิต แสงทอง พันเอก (พิเศษ) การุณ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อคืนวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยวัย 86 ปี
ปองวุฒิ รุจิระชาคร
ประวัติ ปองวุฒิ รุจิระชาครเกิดเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2525 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับสอง เริ่มต้นการเขียนนวนิยายเพราะความรักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือหลากหลายแนว ต่อมาจนอายุ 15 ปี เขาเริ่มต้นการเขียนด้วยการเขียนไดอารี่ส่วนตัว ก่อนจะเขียนอย่างเป็นจริงเป็นจังในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยด้วยการส่งเรื่องสั้นส่งไปตีพิมพ์ตามนิตยสาร เช่น ขวัญเรือน เป็นต้น งานเขียนชิ้นแรกที่ออกสู่สายตานักอ่านคือ เรื่องสั้น "ฟ้าหลังฝนที่เปลี่ยน" ตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือน ใช้นามปากกาว่า ปองวุฒิ ก่อนจะตีพิมพ์นวนิยายเรื่องยาวครั้งแรกชื่อ "Pornovel" ในอีก 4 ปีต่อมา แรงบันดาลใจในการเขียนของเขามาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ เพลง ภาพยนตร์ และงานศิลปะแขนงต่างๆ รับเข้ามากลั่นกรองจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป้าหมายของเขาในอนาคตคือ การทำงานเขียนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีกลุ่มนักอ่านมากขึ้น ดึงให้คนรุ่นใหม่หันมาอ่านวรรณกรรมมากขึ้น รวมถึงการทำงานให้มีมาตรฐานและรูปแบบความเป็นสากลมากที่สุด[1] หนังสือในวัยเด็กที่เขาประทับใจจนกลายเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นนักเขียนในทุกวันนี้คือ หนังสือของอกาธา คริสตี้ ไอแซค อาซิมอฟ โรอัลด์ ดาห์ล ส่วนนักเขียนไทยที่เขาชอบคือ วิรัตน์ โตอารีย์มิตร ชาติ กอบจิตติ และกนกพงศ์ สงสมพันธุ์
ประวัติ ปองวุฒิ รุจิระชาครเกิดเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2525 จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับสอง เริ่มต้นการเขียนนวนิยายเพราะความรักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือหลากหลายแนว ต่อมาจนอายุ 15 ปี เขาเริ่มต้นการเขียนด้วยการเขียนไดอารี่ส่วนตัว ก่อนจะเขียนอย่างเป็นจริงเป็นจังในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยด้วยการส่งเรื่องสั้นส่งไปตีพิมพ์ตามนิตยสาร เช่น ขวัญเรือน เป็นต้น งานเขียนชิ้นแรกที่ออกสู่สายตานักอ่านคือ เรื่องสั้น "ฟ้าหลังฝนที่เปลี่ยน" ตีพิมพ์ในนิตยสารขวัญเรือน ใช้นามปากกาว่า ปองวุฒิ ก่อนจะตีพิมพ์นวนิยายเรื่องยาวครั้งแรกชื่อ "Pornovel" ในอีก 4 ปีต่อมา แรงบันดาลใจในการเขียนของเขามาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ เพลง ภาพยนตร์ และงานศิลปะแขนงต่างๆ รับเข้ามากลั่นกรองจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป้าหมายของเขาในอนาคตคือ การทำงานเขียนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีกลุ่มนักอ่านมากขึ้น ดึงให้คนรุ่นใหม่หันมาอ่านวรรณกรรมมากขึ้น รวมถึงการทำงานให้มีมาตรฐานและรูปแบบความเป็นสากลมากที่สุด[1] หนังสือในวัยเด็กที่เขาประทับใจจนกลายเป็นรากฐานสำคัญของการเป็นนักเขียนในทุกวันนี้คือ หนังสือของอกาธา คริสตี้ ไอแซค อาซิมอฟ โรอัลด์ ดาห์ล ส่วนนักเขียนไทยที่เขาชอบคือ วิรัตน์ โตอารีย์มิตร ชาติ กอบจิตติ และกนกพงศ์ สงสมพันธุ์